หนุ่มมะเดื่อสาวมะดัน ๓ (กลบทนายโรงลืมกรับ)
ต้องจรลา สู่เคหา ก่อนฟ้าดับ เดินทางกลับ ปลอดภัย รถไม่ติด แสนคำนึง ถึงมะดัน ทุกวันคิด เธอสถิต ดวงใจ หทัยนี่
ใกล้พารา ยินเสียงด่า ทั้งหมาเห่า เก็บของเก่า ตามทางเท้า เข้าถึงที่ หอบใส่ถุง รุงรัง เดินเร็วลี่ จะได้กี่ มากน้อย ร้อยเป็นทุน
ดูหลักฐาน บ้านโตโก้ไม่หยอก ไม่ได้หลอก สาวใด ให้หัวหมุน ได้ครองคู่ กับพี่ นี้เป็นบุญ ต่อสกุล ลูกหลาน ไปนานนัก
รัฐจัดสร้าง สะพานใหญ่ ได้สำเร็จ ทำเบ็ดเสร็จ อย่างดี ที่รูจัก เสาใหญ่โต โอ่อ่า ดูน่ารัก คือเพิงพัก พิงฝัน บ้านมะเดื่อ
ที่หลับนอน ผ้าปัด สลัดผ่าน ป่านฉะนี้ คนดี ยิ้มแก้มเรื่อ นอนดูดาว หาวงับ หลับทุกเมื่อ ยังฝันเพื่อ พิมพ์จันทร์ จนยันรุ่ง
ตะวันแยง แสงรอน นอนตูดโด่ง อากาศโปร่ง โล่งสบาย ในยามพุ่ง แย้มผ้าห่ม ลมเข้า เต่าหลังตุง หอมกลิ่นปรุง อาหาร ทานเลยตื่น
ลุกเร็วลี่ พับปิด บิดขี้เกียจ ทำละเมียด เมียงมอง ท้องเป็นผื่น น้ำในขัน หลั่นลงคอ ชะลอรื่น ยิ้มสดชื่น หมื่นพัน เช้าวันใหม่ ฯ
กล้าต้น อินระดา
๑๗ กค ๕๒
กลบกลอนนี้ เป็นกลอนกล ที่เรียกว่า กลบทนายโรงลืมกรับ คือ ทุกบรรทัด จะต้องลงส่งสัมผัสนอก ด้วย คำ ลหุ(คำตาย เสียงสั้น) เท่านั้น เรื่องเล่ามีอยู่ว่า ครั้งเมื่อวางโกลนเรือ เอนกชาติภุชงค์ แล้วเสร็จ จำต้องมีการลองน้ำ พระราชวังบวร โปรดที่จะเสด็จล่องเรือจากท่าวาสุกรีไปขึ้นที่วังหน้า ด้วยความฉุกละหุก นายโรงผู้จัดเตรียมอุปกรณ์ ลืมนำ กรับ ลงเรือให้อาลักษณ์ขับเห่ พอเรือออกจากท่า อาลักษณ์ก็เริ่มเห่ แต่หา กรับ ไม่เจอ ด้วยปรีชา จึงต้องว่ากลอนท้ายหัก จะได้ไม่ต้องลงกรับ กรมพระราชวังบวร เห็นเป็นการแปลก เลยถามอาลักษณ์ว่า เฮ้ย นี่มึ ง ด้นกลอนกลอะไร อาลักษณ์ จึงตอบไป ว่า นี่เป็นกลบท นายโรงลืมกรับ พระเจ้าข้า
|